แถลงการณ์ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๘ ​กรณี กสทช. และเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจป่าเถื่อนทำลายสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ

แถลงการณ์ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๘

 

แถลงการณ์ ฉบับที่ ๑๐/๒๕๕๘

กรณี กสทช. และเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจป่าเถื่อนทำลายสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่

 

 

          ด้วยปรากฏว่า ในวันนี้ (๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘) กสทช.เขต ๑๑ ภูเก็ตได้ร่วมกับทหารและตำรวจใช้อำนาจป่าเถื่อนบุกเข้ารื้อถอนสายและเสาอากาศของสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ โดยเจ้าหน้าที่ กสทช. ได้กล่าวอ้างว่าเป็นการปฏิบัติการตามคำสั่งของเลขาธิการ กสทช. ที่สั่งให้ดำเนินคดีกับสถานีแห่งนี้ที่ออกอากาศโดยไม่มีใบอนุญาต ทั้งนี้แม้มูลนิธิเสียงธรรมฯ จะยก "ข้อตกลง ๓ ฝ่าย" ซึ่งเป็นการออกอากาศได้อย่างถูกต้องตามข้อตกลงระหว่างฝ่ายทหารตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ฝ่าย กสทช.นำโดยเลขาธิการ กสทช. และฝ่ายคณะสงฆ์ศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน แม้จะนำข้อตกลงดังกล่าวมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้ใช้อำนาจป่าเถื่อนกลุ่มนี้แล้วก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยืนยันว่า "เป็นคำสั่งของเลขาธิการ กสทช. นี่แหละ ไม่ขอฟังเหตุผลใดๆ ไปให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่โรงพักแล้วกัน" 

 

          เมื่อทราบที่มาของคำสั่ง มูลนิธิเสียงธรรมฯ จึงได้สอบถามไปยังสำนักเลขาธิการ กสทช. ถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที ก็ได้รับคำยืนยันในอีกเหตุผลหนึ่งว่า "ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามนโยบายของทหารในพื้นที่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทาง กสทช. จึงไม่สามารถจะดำเนินการอย่างที่เคยตกลงกันมาได้" นั้น

 

          คณะศิษยานุศิษย์ได้น้อมนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และประโยชน์สาธารณะที่จักบังเกิดผลดีต่อความมั่นคงทางศีลธรรมอย่างไม่มีประมาณแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักเกณฑ์แห่งการพิจารณา มีมติดังต่อไปนี้

 

          ๑. หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระ ปรมาจารย์แห่งวงกรรมฐาน เมตตากล่าวไว้ว่า "หาคนดีมีศีลธรรมในใจ หายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ได้คนเป็นคนดีเพียงคนเดียว ย่อมมีคุณค่ามากกว่าเงินเป็นล้านๆ เพราะเงินเป็นล้านๆ ไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้เหมือนได้คนดีทำประโยชน์"

 

          แม้องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ก็ได้แสดงธรรมที่ตรงกับกรณี สรุปได้ว่า “วิทยุตั้งที่ไหนจะมีข้อกีดกัน มีข้อทำลาย มีข้อบังคับนั้นนี้ นั้นละคือเทวทัตมันเข้าไปกีดกันไปทำลาย ไปบังคับท่านั้นท่านี้ศาสนา การพูดนี้เราไม่ได้พูดหาเรื่องหาราว ทางศาสนานี้กำลังถูกกีดถูกกันเฉพาะอย่างยิ่งการเทศนาว่าการ ... พูดถึงเรื่องวิทยุเสียงอรรถเสียงธรรมที่สอนประชาชน เพื่อธรรมจะได้เข้าสู่จิตใจของประชาชน พวกยักษ์พวกผีมันตัวแสบๆ สั่งการนั้นออกมา สั่งการนี้ออกมา ไอ้ตัวแสบๆ ตัวนี้มักจะสั่งการไปทางเบียดเบียนทำลายศาสนาและจะคว่ำศาสนาโดยอุบายต่างๆ ตลอดมา ... นี่ละอุบายวิธีทำลายศาสนา ก็เท่ากับทำลายหัวใจคนทั้งชาติทีเดียว ... 

 

          บังคับมาๆ นี้มาจากไหน ถ้าไม่มาจากสัตว์นรกจะมาจากไหน ขอให้พูดเต็มปากเถอะ ถ้าสัตว์สวรรค์สัตว์นิพพานจะไม่พูดอย่างนี้ มีแต่อนุโมทนาสาธุการ ถ้าสัตว์นรกแล้วกีดกันทุกแบบทุกฉบับ ที่จะเป็นอรรถเป็นธรรมเพื่อหัวใจโลกได้รับความสงบร่มเย็นนี้ต้องกีดต้องกัน ด้วยมาตรฐานของเปรตของผี เอ้า ฟังให้ชัด เราพูดให้เต็มยัน”

 

          โดยที่ปฏิบัติการป่าเถื่อนของ กสทช. ร่วมกับทหารและตำรวจในพื้นที่ครั้งนี้ ขัดแย้งกับโอวาทธรรมของพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองโดยสิ้นเชิง เป็นการกระทำที่เหยียบย่ำศาสนธรรมของพระศาสนาเหยียบย่ำจิตใจชาวพุทธอย่างที่สุด แนวคิดและการกระทำต่ำช้าในครั้งนี้ล้วนเป็นเจตนาที่จะทำลายคนดีมีศีลธรรมและทำลายศาสนาให้สิ้นซากวิบัติไปจากประเทศไทยอย่างเลวทรามที่สุด คณะศิษย์ไม่อาจยอมรับพฤติการณ์ของเทวทัตกลุ่มนี้ได้อีกต่อไป

 

          ๒. เจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และการกำกับการกิจการกระจายเสียง ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ห้าม กสทช. ปิดกั้นการเกิดขึ้นใหม่ของสถานีวิทยุที่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะและไม่แสวงหากำไรในทางธุรกิจ หากแต่จะต้องเปิดทางให้สถานีประเภทนี้ก้าวเดินเข้าสู่ระบบออกใบอนุญาตโดยถ่ายเดียวเท่านั้น และโดยที่กรณีสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ แห่งนี้ ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ๒๕๕๔ และได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตจาก กสทช. ในวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๗ พร้อมกับสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ วัดป่ากุสลธโร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหาก กสทช. เคารพในกฎหมาย ย่อมสามารถใช้ข้อ ๘ วรรคท้ายแห่งประกาศ กสทช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์อนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ.๒๕๕๕ เพื่อออกใบอนุญาตได้ แต่ กสทช.กลับจงใจจะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงเป็นเหตุให้สถานีแห่งนี้ไม่ได้รับใบอนุญาตและเกิดความเสียหายร้ายแรงอย่างที่กำลังถูกรุมกินโต๊ะในครั้งนี้ การไม่มีใบอนุญาตจึงมีสาเหตุมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. เสียเอง หาใช่ความผิดของมูลนิธิเสียงธรรมฯ ไม่

 

          ๓. ศาลปกครองกลางคดีหมายเลขดำที่ ๓๒๒๒/๒๕๕๕ คดีหมายเลขแดงที่ ๑๖๐๑/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘  ได้วินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่า กสทช.จะต้องดำเนินการออกประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงประเภทบริการชุมชนที่ครอบคลุมกลุ่มประชาชนที่มีความสนใจร่วมกัน (Community Radio of Interest) อันเป็นการดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมาย

 

          โดยที่สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ เป็นประเภทสถานีที่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยเป็นที่สุดของศาลปกครองกลางตามที่กล่าวมาทุกประการ นอกจากนี้ ยังได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตต่อ กสทช.โดยระบุประเภทดังกล่าวไว้อย่างชัดเจน ซึ่ง หาก กสทช. เคารพในคำวินิจฉัยของศาลจริง จักต้องรีบดำเนินการออกใบอนุญาตแก่สถานีวิทยุเสียงธรรมฯ กระบี่ โดยทันที ต้องไม่หน่วงเหนี่ยวใบอนุญาตไว้และต้องไม่กระทำการแบบเทวทัตป่าเถื่อนเช่นที่กำลังกระทำอยู่นี้ พฤติการณ์เลวทรามครั้งนี้จึงเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนต่อสายตาสาธารณชนว่า เลขาธิการ กสทช. และทหารในพื้นที่ผู้กำหนดนโยบายครั้งนี้ นอกจากจะขาดความเคารพในข้อตกลง ๓ ฝ่ายตามคำบัญชาของ ฯพณฯแล้ว ยังก้าวล่วงต่อคำวินิจฉัยของศาลอีกด้วย

 

          ๔. ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นตั้งแต่ข้อ ๑. ถึง ๓.  คณะศิษย์ฯ ในนามประชาชนที่ร่วมลงลายมือชื่อปกป้องวิทยุเสียงธรรมกว่า ๓๒๙,๙๔๔ คน จึงมีมติให้ขับไล่บุคคลผู้เป็นต้นเหตุแห่งเหตุการณ์ครั้งนี้ให้พ้นไปจากตำแหน่งในทันที ถือเป็นโมฆะบุรุษ พฤติการณ์ที่ก่อกรรมทำเข็ญด้วยการใส่เครื่องแบบราชการกินเงินภาษีของประชาชน แต่กลับตั้งหน้าประทุษร้ายทำลายศาสนาซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ เข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ คณะศิษย์จะไม่ยอมให้บุคคลประเภทนี้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกต่อไปอย่างเด็ดขาด นอกจากจะขับไล่ให้ออกจากตำแหน่งแล้ว ยังอาจร่วมกันขับไล่ให้ออกไปจากชาติไทยอีกด้วย จึงมีมติดังนี้

 

                    ๔.๑ ขอพึ่งอำนาจ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้บังคับบัญชาองค์กร กสทช. และฝ่ายทหาร ขอให้ ฯพณฯ ใช้อำนาจขั้นเด็ดขาดตามข้อเท็จจริงที่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการและสำนักงานเลขาธิการ กสทช. ได้กล่าวอ้างขึ้น โดยให้ปลด "เลขาธิการ กสทช." และปลด "ผู้การทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่จังหวัดกระบี่" ให้บุคคลทั้ง ๒ นี้พ้นไปจากตำแหน่งโดยทันที

 

                    ๔.๒ หาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีไม่ใช้อำนาจสูงสุดของตนที่มีอยู่เข้าแก้ปัญหาการเหยียบย่ำ "คลื่นธรรมะ" ของโมฆะบุรุษกลุ่มนี้ คณะศิษย์ขอกราบอนุญาตนำมาตรการตามมติสงฆ์ ณ วัดป่าบ้านตาดเมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่มีมติเป็นเอกฉันท์มาใช้แก่กรณีนี้ว่า  "บัดนี้ถึงกาลอันจำเป็นเร่งด่วนต้องแสดงสามัคคีธรรมร่วมกันเข้าพึ่งพระบารมีต่อผู้มีธรรมสูงสุดแล้ว โดยจะนำรายชื่อทั้งหมดเข้ายื่นถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ด้วยพระบารมีล้นเกล้าฯ จะสามารถปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ ให้หมดสิ้นไปจากเมืองไทยของเราได้  ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยเหตุเภทภัยที่เกิดขึ้นต่อฝนฟ้าภูมิอากาศที่วิปริตแปรปรวนไป หรือด้วยการกระทำย่ำยีของ กสทช. และทหารเทวทัตกลุ่มนี้ ที่บังอาจก่อวิบากกรรมหนักต่อพระพุทธศาสนา มีเพียงพระบารมีของพระองค์เท่านั้นที่จะขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่ำทรามเหล่านี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

 

   จึงแถลงการณ์ให้ทราบโดยทั่วกัน

 

 

                    คณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

                                     ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘


ผู้ประกาศ :
วันที่ประกาศ : 20 เมษายน 2561 เวลา : 11:04:36 น. เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
ผู้ชม 2217 ครั้ง